[K-POP] บทสัมภาษณ์ โชรง Apink กับปีที่ 6 และแผนของวงต่อไปในอนาคต

เปิดไปเจอบทสัมภาษณ์ของโชรงที่พูดถึงการก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 และอนาคตของวง รวมถึงเรื่องราวต่างๆในรอบ 6 ปีครับ

อ่านแล้วรู้สึกน่าสนใจ (และค่อนข้างยาวมาก มีสามกระทู้แหนะ) ก็เลยแปลมาให้อ่านกัน ไม่รู้ว่ามีใครแปลไปหรือยัง

พิมพ์ไปแปลไปจะช้านิดนึงนะครับ ^^



เมื่อเดือนที่ผ่านมา เอพิงค์พึ่งจะครบรอบ 6 ปี กับคอนเสปท์ใสๆที่ค่อยๆเติบโตขึ้นจนตอนนี้ชื่อของพวกเธอก็กลายเป็นเกิร์ลกรุ๊ปแถวหน้าอีกหนึ่งวง

เมื่อปี 2011 เอพิงค์ได้เดบิวท์ในวงการเพลงด้วยสมาชิก 7 คน ในวันที่ 19 เมษายน เอพิงค์ได้ปล่อยอัลบั้มแรก จนถึงปีนี้ก็เข้าปีที่ 6 แล้ว พวกเธอยังคงประสบความสำเร็จ สนิทสนมกันอย่างดีโดยไร้ปัญหาใดๆ ถ้าจะมีจุดหน้าจะเสียดาย คือ 2 ปีให้หลังจากเดบิวท์ ในปี 2013 สมาชิกในวงอย่างฮงยูกยอง ได้ออกจากวงเพราะอยากจะโฟกัสไปที่เรื่องการเรียน ปัจจุบัน ฮงยูกยอง กำลังใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาอย่างตั้งใจ และเธอกับเหล่าสมาชิกเอพิงค์ก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ

เอพิงค์ ถูกขนานนามว่าวงที่มีแต่สมาชิกที่ "มีจิตใจดี" ไม่มีข่าวหรือเรื่องเสียหาย และยังคงรวมตัวโปรโมตด้วยกันเสมอ ก็เพราะหัวใจของพวกเธอนั่นเอง เอพิงค์ เดบิวท์ด้วยเพลง I don't know ซึ่งก็ได้รับความสนใจทันที หลังจากนั้น 4 เดือน พฤศจิกายนปีเดียวกัน MYMY ก็คว้าที่หนึ่งมาได้ สร้างเส้นทางให้กับเกิร์ลกรุ๊ปแนวสดใสต่อมา

พวกเราได้พบกับโชรง ลีดเดอร์ของวงที่คาเฟแถวฮงแด โชรง ได้บอกความรู้สึก ในการย้อนมองเรื่องราวต่างๆตลอดหกปีของเอพิงค์ รวมถึงความรู้สึกต่างๆในฐานะของลีดเดอร์อีกด้วย

- เอพิงค์ได้ครบรอบหกปีแล้ว

เดี๋ยวนี้มีวงใหม่ๆออกมามากมาย แนวเพลงก็เปลี่ยนไปค่อนข้างเร็ว การที่พวกเราอยู่มาได้ถึงหกปีก็เป็นเรื่องน่าขอบคุณแล้วล่ะค่ะ พวกเราอาจจะคุยกันบ่อยๆ แต่ก็มักจะถามกันว่า นี่มันหกปีแล้วเหรอเนี่ย มีแนวเพลงอีกหลากหลายแนวที่เรายังไม่เคยได้ลองทำ และมีอะไรที่อยากทำมากมาย แต่การที่เรายังได้แสดงกันมาจนถึงตอนนี้ก็ถือเป็นเรื่องน่าขอบคุณแล้วค่ะ

- อยากจะประเมินเอพิงค์ที่ครบหกปีว่ายังไงบ้าง

พวกเราขยันกันมากค่ะ แทนที่จะพูดถึงผลตอบรับอะไรต่างๆนั้น ตอนที่พวกเราเดบิวท์บริษัทของเราไม่มีอะไรเลย ฉันเลยอยากบอกว่าทุกคนเก่งมากๆน่ะค่ะ ตอนนั้นบริษัทยังใหม่มาก ทั้งเมมเบอร์และพนักงานในบริษัททุกคนช่วยกันพยายามอย่างเต็มที่ มันน่าดีใจมาก และแค่มีคนรู้จักชื่อเอพิงค์ มันก็น่าแปลกใจมากแล้วค่ะ พวกเราตั้งใจกันมากๆ และต่อไปเราจะต้องพยายามมากขึ้นอีกค่ะ

- ในฐานะลีดเดอร์ เห็นว่าป้องกันการจะออกนอกลู่นอกทางอย่างจริงจังมาก

เราคุยกันเยอะค่ะ ในตอนที่โปรโมตเป็นเอพิงค์ก็ด้วย แต่แม้จะเป็นตารางงานเดี่ยวๆ เราก็ยังคุยกันน่ะค่ะว่า ถึงแม้เธอจะมีครั้งที่เธอตั้งใจจนได้ผลตอบรับดีๆมาก็จริง แต่ข้างหน้าชื่อพวกเธอมีคำว่าเอพิงค์ติดตัวไปด้วย ก็ขอให้ใส่ใจมากขึ้นอีกนิดนึงก็คงดี น่ะค่ะ เมมเบอร์เองก็เข้าใจตรงจุดนี้ แล้วก็ตั้งใจอย่างเต็มที่เสมอน่ะค่ะ

- เมมเบอร์ค่อนข้างเชื่อฟังคำพูดของลีดเดอร์หรือเปล่า

ก็ต้องขอบคุณที่เป็นแบบนั้นนะคะ การจะเรียกคนที่เหนื่อยกลับมาคุยด้วยก็รู้สึกผิดน่ะค่ะ มีที่ฉันต้องแอบสังเกตอยู่บ้าง แต่เมื่อก่อน ถ้ามีเรื่องที่จะคุยด้วยฉันจะเขียนใส่จดหมายให้น่ะค่ะ เพราะก็มีบางทีที่ตารางงานไม่ตรงกันไม่ได้เจอกันอยู่บ้างน่ะค่ะ ฉันเลยขอบคุณที่พวกเค้าเข้าใจตรงจุดนี้นะคะ เวลาเราพูดตรงๆ เค้าอาจจะไม่ฟังก็ได้ แต่พวกเค้าก็ตั้งใจฟังอย่างดี ฉันขอบคุณมากๆค่ะ

- ในฐานะลีดเดอร์ ตอนไหนที่รู้สึกลำบากที่สุด

มันก็มีตอนที่ต้องดึงกลับมาให้เร็วที่สุดอยู่บ้าง แต่ปกติฉันมากจะค่อยๆบอกความเห็นของฉันน่ะค่ะ แต่ถ้าอย่างไม่เคารพรุ่นพี่หรือวงอื่นๆให้ดีก็มีที่ฉันต้องพูดแรงๆบ้าง แต่ยังไง ถึงฉันจะเป็นลีดเดอร์ แต่ทุกๆคนก็เป็นสมาชิกในวงด้วยกัน ฉันคงไปจัดการอะไรคนเดียวไม่ได้ พวกเราค่อนข้างจะแสดงความเห็นกันเยอะน่ะค่ะ แล้วก็มีบางทีที่เมมเบอร์ก็ช่วยๆกันด้วยค่ะ

- ยังอยู่หอด้วยกันอยู่เลย

เราอยู่อพาทเมนท์ตึกเดียวกัน แต่แบ่งออกเป็น 3 - 3 น่ะค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีเกิร์ลกรุ๊ปที่จะอยู่หอด้วยกันเท่าไหร่ แต่การที่เราบอกว่าอยู่หอ ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่ตลอดนะคะ บางคนที่มีบ้านที่โซลก็ไปๆมาๆอยู่บ้าง ก็ค่อนข้างสบายๆ เลยไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับการอยู่หอน่ะค่ะ การที่เราอยู่หอกันแบบนี้ ทำให้เราได้คุยกันเยอะมากเลยล่ะค่ะ พวกเราเลยอยากอยู่หอกันน่ะค่ะ ถึงจะทะเลาะกันก็ทะเลาะกันต่อหน้าไปเลย ถ้าเกิดต้องกลับบ้านไป ก็จะไม่มีโอกาสได้เคลียร์กันน่ะค่ะ

- เอพิงค์ค่อนข้างดูสงบไม่ค่อยทะเลาะอะไรกันเท่าไหร่เลย

ก็มีที่ทะเลาะกันค่ะ ถึงจะบอกว่าทะเลาะก็ไม่ใช่ทะเลาะกันรุนแรงอะไร แต่ก็มีที่บางครั้งอาจจะรู้สึกเสียใจกันบ้าง แล้วพวกเราก็ไม่ใช่คนที่จะพูดทุกอย่างออกไป ก็เลยเก็บไว้ในใจกันน่ะค่ะ เวลาแบบนั้น เราจะคุยเพื่อเคลียร์กันค่ะ อาจจะคุยสองต่อสอง หรือสามคนรวมกัน แล้วก็คุยว่า ตอนนั้นเป็นแบบนี้ ตอนนี้เป็นแบบนั้น เพื่อจะได้เคลียร์กันน่ะค่ะ เราอาจจะคิดต่างกันได้ แล้วยิ่งต้องอยู่ร่วมกัน บางครั้งก็มีที่ความเห็นไม่ตรงกัน ก็จะมีที่ตกค้างในใจบ้าง แน่นอน ถึงเราจะคุยกัน ก็มีบางคนที่เคลียร์ตรงนั้นเลยทันที บางคนก็อาจจะไม่เคลียร์ทันที แต่แทนที่จะเก็บไว้ในใจ ก็คุยกันดีกว่าน่ะค่ะ

- คุยเพื่อเคลียร์แบบนี้กันตั้งแต่เดบิวท์เลยหรือเปล่า

ตอนแรกๆเราก็เคลียร์แบบนี้แหละค่ะ เราเลยยังทำแบบนั้นจนถึงตอนนี้ ตอนเดบิวท์แรกๆ เราจะรวมตัวกันบ่อยค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่รวมตัวกันบ่อยแล้ว อาจเพราะค่อนข้างสบายใจกันขึ้น เลยเคลียร์กันเป็นเรื่องๆได้ทันทีน่ะค่ะ แล้วแต่ละคนก็ค่อนข้างยุ่ง อาจจะทำแบบเมื่อก่อนไม่ได้ แต่อย่างน้อยปีนึงก็ต้องรวมตัวกันเพื่อคุยกันน่ะค่ะ




แก้ไขคำผิดครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่